สร้างเครือข่ายบล๊อกเชนของคุณเอง

ยุคของเครือข่ายส่วนบุคคล (Private Chain)
หากคุณกำลังคิดถึงเรื่องการใช้บล๊อกเชนในองค์กร คุณจำเป็นต้องตัดสินใจก่อนว่าจะใช้เครือข่ายสาธารณะ (Public Chain) หรือเครือข่ายส่วนบุคคล (Private Chain) เมื่ออดีตเราเริ่มต้นจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่ทุกคนสามารถเชื่อมต่อกับ dApp ต่างๆ ได้ และต่อมาก็กลายเป็นอินทราเน็ตที่คุณต้องได้รับเชิญเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ
เครือข่ายบล๊อกเชนสาธารณะ (Public Chain) เป็นตัวช่วยในเรื่องรักษาความปลอดภัยและการเก็บฐานข้อมูลแบบกระจายตัว ซึ่งเหมาะสำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่นระบบตรวจสอบที่มาของอาหาร (Food Traceability Service) ซึ่งใช้ระบบ Ethereum Mainnet ตั้งแต่ปี 2018 ในทางกลับกัน เครือข่ายบล๊อกเชนส่วนบุคคล (Private Chain) มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องระบบรักษาความลับของข้อมูล ในขณะที่โซลูชั่นเช่น Baseline Protocol หรือ Starkware พยายามที่จะทำให้บล๊อกเชนสาธารณะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและยังมี Qed-it ที่ทำให้การสร้างธุรกรรมบนเครือข่ายหลัก สามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลหรือมูลค่านอกเครือข่ายได้(Off-Chian) ความจริงคือมันยังไม่มีความเป็นส่วนตัวบนเครือข่ายบล๊อกเชนสาธารณะอยู่ดี
ความท้าทายนี้มาพร้อมกับข้อกำหนดเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวของแอพพลิเคชั่นของธุรกิจต่างๆ นั่นหมายความว่าบล๊อกเชนสำหรับองค์กรต่างๆ ใช้งานบนเครือข่ายส่วนตัว (Private Chain) เหมือนกับที่แอพพลิเคชั่นสำหรับองค์กรต่างๆ ที่ยังใช้งานบนอินทราเน็ต
บล๊อกเชนช่วยให้บริษัทอย่าง Komgo ดึงธนาคาร 13 แห่งมารวมกันเพื่อสร้างเครือข่ายกลุ่ม (Consortium Chain) และเพื่อการค้าแบบดิจิทัล หรือแม้แต่ธนาคารทั้ง 22 แห่งในประเทศไทยเพื่อออกหนังสือค้ำประกันแบบดิจิทัล (Letter of Guarantees) เครือข่ายกลุ่มดิจิทัล Consortium เป็นตัวอย่างระบบการใช้งานบนบล๊อกเชนส่วนบุคคลที่ดีเยี่ยม บริษัทต่างๆ สามารถ “Coopete” บนแพลตฟอร์มที่ใช้งานร่วมกันแต่ยังคงสามารถเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเองไว้ได้ นี่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของบล๊อกเชนที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้กับบริษัทอย่าง Deloitte รวมถึงองค์กรต่างๆ เช่น World Economic Forum ที่กำลังสร้างมาตราฐาน (Consortium Best Practice) และเครื่องมือสำหรับเครือข่ายกลุ่ม (Consortium Toolkits)